วันพฤหัสบดีที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2562
3 เทคนิค ลดความ " อิจฉาริษยา "
3 เทคนิค ลดความ " อิจฉาริษยา "
สวัสดีครับทุกท่าน วันนี้ผมจะมานำเสนอ 3 เทคนิค การลดความ " อิจฉาริษยา "
- จงตั้งเป้าหมายในชีวิต
การตั้งเป้าหมายในชีวิต เป็นอีกสิ่งหนึ่ง เปรียบได้กับ เครื่องดื่มชูกำลัง ถ้าเรามี Passion ในบางสิ่งบางอย่างแล้ว มันจะทำให้เราสามารถลืม เรื่องของคนอื่นๆได้ โฟกัสที่ตัวเองก็พอครับ คนอื่นไม่จำเป็นต้องไปสนใจใส่ใจ ครับ
- จงชื่นชมยินดี
จงชื่นชมยินดีกับเขา ลองฝึกดูครับ แรกๆ อาจจะฝืนๆ มันช่วยให้เราลดความอิจฉาริษยาได้เยอะเลยครับ เช่น เวลาเขาได้ดีอะไร หรือ ประสบความสำเร็จอะไร ก็เดินเข้าไปหาเขากล่าว คำชื่นชม หน่อยครับ แล้วเราจะลื่มเรื่องอิจฉาริษยาเอง
- จงปรึกษาเขา
จงปรึกษาเขาถึงวิธีที่จะประสบความสำเร็จ ยึดถือเขาเป็นไอดอล เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับเรา แค่นี้ละครับ สักวันจะเป็นวันของเราเหมือนกันครับ
ขอบคุณครับ
วิธีป้องกันจากการโดน " กลั่นแกล้ง " ในโรงเรียน
วิธีป้องกันจากการโดน " กลั่นแกล้ง " ในโรงเรียน
สวัสดีครับ หลังจากที่ผมเขียน blog ที่แล้วมา ผมก็จะมาเขียน blog นี้ต่อเลยครับ 555 เพราะเป็นอีกประเด็นที่เป็นปัญหาสำหรับ เด็กในวัยเรียนหลายๆคนครับ วันนี้ผมจะมาเสนอแนวทางป้องกันวิธีเมื่อต้องเผชิญหน้ากับ หัวโจ๋ ในโรงเรียนกันครับ
ผมจะแบ่งเป็น 3 ขั้นตอน ครับ
1. เมินเฉย
ใช่ครับ ขั้นแรกต้องเมินเฉยครับ ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็แล้วแต่ต้องทนครับ การที่ไปต่อยเตะเขาคืนไม่ได้ทำให้คนเหล่านั้นรู้สีกกลัว หรือ เลิกแกล้งครับ สิ่งที่ต้องทำ คือ ไม่ต้องไปมองหรือให้ความสนใจครับ ยิ่งให้ความสนใจไปต่อยเตะเขาคืน พวกคนเหล่านั้นจะยิ่งรู้สึกสนุก ตลกขำกันใหญ่ครับ
ยังไงก็ต้องทนครับ
2.เล่าให้พ่อแม่ฟัง
พอหลังจาก step แรกแล้ว ขั้นต่อไปคือต้องนำไปเล่าให้พ่อแม่ฟังเป็นอันดับแรกครับ แล้วค่อยให้ พ่อแม่พร้อมกับตัวเรา ไปหาคุณครู ไปเล่าให้คุณครูฟังเป็นอันดับถัดมาครับ เนื่องจากที่ต้องเล่าให้พ่อแม่ฟังก่อน เพราะพ่อแม่จะฟังเราเล่าได้นานที่สุดเวลาอยู่บ้าน ให้เล่ารายละเอียดให้หมด ที่เหลือเดี๋ยวท่านก็จัดการแจ้งคุณครูให้เองครับ เน้นน่ะครับแจ้งคุณพ่อคุณแม่ก่อนเสมอ ต่อให้จะโดนขู่อะไรว่าห้ามนำไปฟ้องใคร ไม่ต้องกลัวน่ะครับนำเรื่องไปบอกพ่อแม่ให้หมดเลยครับ จะมาว่าขี้ฟ้องอะไรไม่ต้องสนครับ
3.ย้ายโรงเรียน
กรณีที่ทำ 2 ขั้นตอนข้างบน แล้วยังไม่ดีขึ้น วิธีทางเดียว คือ ย้ายโรงเรียนเถอะครับ บอกคุณพ่อคุณแม่ หาโรงเรียนที่เรียนกว่าให้เข้าไปจับกลุ่มกับพวกเพื่อนที่สนใจเรียน ท่านคงเข้าใจ แล้วก็ ตั้งเป้าหมายในชีวิต อยากรวย อยากเป็นหมอ อยากเป็นวิศวะ ไม่ต้องสนอะไรทั้งนั้นครับ
ขอบคุณครับ
ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงคิดว่า " ตัวเองถูกตลอดเวลา " ?
ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงคิดว่า " ตัวเองถูกตลอดเวลา " ?
สวัสดีครับทุกท่าน วันนี้จะมาพูดถึงเรื่องที่ว่า ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงคิดว่าตัวเองถูกตลอดเวลา ซึ่งมั่นใจว่า ใครๆก็น่าจะได้เคยเจอคำพูดนี้มาในอดีต วันนี้จะมาถอดรหัสลับปัญหานี้กันครับว่าจริงๆแล้ว คำว่า " คิดว่าตัวเองถูกตลอด " ใช้ได้จริงๆ หรอ ?
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ผมเชื่อว่าหลายๆท่านต้องเคยเจอกับคำนี้ เวลาที่ทะเลาะกับใครบางคนอาจจะเป็นพ่อแม่เพื่อนฝูงหรือแฟนก็ตาม ผมขอบอกก่อนว่า จริงๆในโลกนี้น่ะครับ คนส่วนใหญ่ไม่มีใครที่คิดว่าตัวเองผิดหรอกครับ ถ้าไม่ได้ไปฆ่าคน ไปลักทรัพย์ขโมยของ หรือ ความผิดต่อหน้า เพราะแต่ละคนก็มีเหตุผลของตัวเองยังไงละครับ ทำให้เวลาทะเลาะกันต่างฝ่ายก็จะคิดว่าตัวเองถูก ซึ่งจริงๆแล้วในมุมมองผมการทะเลาะกันแต่ละครั้ง ไม่มีใครถูก 100 % ผิด 100% แต่มันเป็นในเรื่องมุมมองของแต่ละคนครับ ทำให้ผมคิดว่าคำพูดที่ว่า " คิดว่าตัวเองถูกตลอดเวลา " เป็นคำพูดที่ไม่ค่อยมีน้ำหนักเท่าไรครับ เป็นตรรกะป่วยๆ เป็นคำพูดท่าไม้ตายของคนบางคนเวลาที่หาทางออกไม่ได้ครับ เพราะฉะนั้น คำนี้คนที่มีความรู้ความคิด เขาจะไม่ใช้คำพูดแบบนี้หรอกครับ คนมีปัญญามักหาทางออกด้วยเหตุผลเสมอครับ
" ไม่มีใครในโลกนี้ถูก 100% หรือผิด 100% หรอกครับ"
ขอบคุณครับ
วันอังคารที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2562
3 ปัจจัยส่งเสริม"คนโกง "
3 ปัจจัยส่งเสริม"คนโกง"
สวัสดีครับทุกท่าน ในบทความนี้ จะเป็น บทความเกี่ยวกับ อีกประเด็นที่ร้อนแรงในบ้านเราอย่างมากครับ นั้นก็คือ "การทุจริตคอรัปชั่น หรือ การโกง" นั่นเองครับ ในเรื่องนี้เราจะมาดูสาเหตุต่างๆ ปัจจัยต่างๆ ที่ไป support คนโกง แม้กระทั่ง mindset ความคิดของคนโกงว่าเขาคิดกันอย่างไร ?
ผมจะขอแบ่งหัวข้อเป็น "3 หัวข้อย่อย" ไล่เรียงไปเลยน่ะครับ ได้แก่
- เห็นลู่ทาง (โกง)
- ไวรัส (ทุจริต) แพร่กระจาย
- MINDSET เข้าข้างตัวเอง
เห็นลู่ทาง
แน่นอนครับ การจะเริ่มต้นการทุจริต การโกงต้องเริ่มจากการเห็นลู่ทางก่อนครับ ทุกๆอาชีพมีลู่ทางแนวเทาๆหมดละครับ แต่เราเลือกได้ที่จะปฎิเสธ ไม่สนใจมันได้ครับ แต่ก็มีคนบางกลุ่มน่ะครับ ที่เห็นแก่ตัว เน้นประโยชน์ของตัวเองเป็นหลัก ส่วนรวมช่างมัน คนกลุ่มนี้ละครับ เป็นภัยต่อสังคม จะเป็นกลุ่มที่ทำให้เกิดการเริ่มต้นการทุจริตต่างๆนาๆ ครับ เหมือนที่ได้เห็นตามข่าวในปัจจุบัน คนกลุ่มนี้ละครับ เป็นปัจจัยใหญ่ๆ อีกปัจจัยที่ทำให้ประเทศไม่เจริญครับผม
ไวรัสแพร่กระจาย
คนเราเวลาโกงส่วนใหญ่ไม่โกงคนเดียวหรอกครับ มันต้องมี Connection เครือข่าย พรรคพวกที่ดีครับ ถึงจะทำการทุจริตได้อย่างสำเร็จ เวลาที่ทุจริตได้ก็จะเริ่มมีการชักชวนชักจูง โกงกันแบบธุรกิจเครือข่าย MLM เลยล่ะครับ 5555 สงสารประเทศชาติครับ เจอคนประเภทนี้ แล้วแก้ไขยากด้วยน่ะครับ คนจะโกงยังไงก็ต้องโกงอ่ะครับ อย่าคิดน่ะครับว่าคนรวยแล้วเขาไม่โกง คนประเภทนี้ ยิ่งรวยยิ่งโกงครับ เงินของคนกลุ่มนี้เปรียบได้กับน้ำแห่งบาปกรรมครับ ดื่มเท่าไรก็ไม่พอ ยิ่งดื่มยิ่งกระหายครับ
MINDSET เข้าข้างตัวเอง
คนโกง มักคิดเข้าข้างตัวเองตลอดเวลาครับ เช่น สมมุติไปขโมยเงินมา 5 ล้าน เอาไปทำบุญ 1 ล้าน คนกลุ่มนี้ก็จะรู้สึกสบายใจขึ้น คิดว่าอย่างน้อยก็ได้นำเงินไปทำบุญ เทวดาไม่ว่าอะไรหรอก อย่างน้อยก็ได้บุญบ้าง เงินที่ได้ถือว่าเป็นกำไรไป หรือ อีกประเภท คือ ขโมยเงินวัด คนกลุ่มนี้ก็อาจจะทำเป็น พูดขอพรในใจ ประมาณว่า ขอนำเงินก้อนนี้ไปช่วยแม่ป่วย หรือขอไปเพื่อนำเงินที่ได้ไปสร้างตัว สร้างฐานะให้ดีขึ้น แล้วเจ้าตัวคนขโมย ก็จะรู้สึกสบายใจขึ้น คิดว่าไม่เป็นไรมาก หวังว่าเทวดาคงเข้าใจเหตุผลที่ขโมยเงินไป
ทั้งหมดนี้ละครับ ก็คือปัจจัยที่ทำให้เกิดการทุจริต การโกงต่างๆ อย่างที่เป็นข่าวในทุกๆวันนี้ ขึ้นชื่อว่า " โกง" ยังไงก็ไม่ดีครับ เพราะฉะนั้นช่วยกันเป็นหูเป็นตาน่ะครับทุกท่าน อย่าให้ใครมาโกงประเทศชาติเราแล้วสังคม ประเทศชาติเราจะพัฒนา และน่าอยู่กว่าเดิมมากครับ
ขอบคุณครับ
ทำไมพ่อแม่ชอบเอาเราไป "เทียบกับลูกคนอื่น" ?
ทำไมพ่อแม่ชอบเอาเราไป "เทียบกับลูกคนอื่น" ?
สวัสดีครับทุกๆท่าน อันนี้เป็น บทความที่สามแล้วน่ะครับที่ผมจะเขียน ประเด็นนี้เป็นประเด็นที่ร้อนแรงครับ เชื่อว่า เด็กหลายคนเคยพบเจอ วันนี้ผมจะมาเขียนบทความ ในคำถามที่ว่า ทำไมพ่อแม่ชอบเอาเราไปเทียบกับลูกคนอื่น ? ในบทความนี้ ผมจะเขียนเน้นอธิบายให้เด็กเข้าใจถึงเจตนาที่แท้จริงของพ่อแม่น่ะครับ ส่วนผู้ใหญ่ก็อ่านได้ครับ 555 พร้อมอ่านแล้วก็เริ่มลุยเลยครับ
ผมเชื่อว่า คุณหนูๆ น้องๆที่อ่านอยู่ต้องเคยประสบพบเจอปัญหาลักษณะนี้ เวลาที่ เพื่อนข้างบ้านเราสอบติด xxxx หรือ สอบได้เกรดดีๆ พ่อแม่ มักจะเอาเราไปเทียบนู่นนี้นั้น น้องๆรู้ไหมครับ ว่าเจตนาพ่อแม่เราหวังดีกับเราทั้งนั้นละครับ พ่อแม่เป็นเพียงคนกลุ่มเดียวที่เราสามารถเชื่อท่านได้ทุกเรื่อง ไม่มีหลอกลวงแน่นอน และท่านรักเรามากๆ มากกว่าสิ่งใดในโลก พร้อมแลกทุกอย่างเพื่อเราเลยละครับ แม้จะต้องแลกกับชีวิตท่านก็ตาม ไม่ได้เขียนโอเวอร์ไปน่ะครับ ผมมั่นใจ แม้แต่ พี่น้องของเราแท้ๆ ก็ยังไม่รักเรา หรือ หวังดีกับเรา เท่าท่านทั้ง 2 หรอกครับ ^^ การที่พ่อแม่เอาเราไปเทียบกับลูกคนอื่นๆ อยากให้น้องๆลองคิดก่อนครับว่าเจตนาที่แท้จริงของท่านคืออะไร ? ลองคิดสัก 2-3 นาที ครับ แล้วมาดูกันว่าตรงกับที่ผมเขียนไหม ...............คิดเลยครับ ถ้าคิดแล้วก็มาดูข้อความข้างล่างเลยครับ ว่าตรงไหมเป็นแบบไหน
.
.
.
.
.
.
.
.
คิดออกยังครับ มาถอดรหัสลับ เจตนาพ่อแม่จริงๆกันครับ ว่าจริงๆแล้วท่านมีเจตนายังไงกันแน่ครับ คำตอบของเรื่องนี้ก็คือ เพื่อกระตุ้นความขยัน Passion ในตัวน้องๆ ในการพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นครับ ผมมั่นใจครับ ลองตั้งใจเรียน อ่านหนังสือทุกวัน ทำการบ้าน ไม่ทำตัวไร้สาระไปวันๆ ลองดูครับ แม้เราจะหัวไม่ดีขนาดไหน เกรดจะออกมาไม่ดี สอบไม่ติด แต่ถ้าเราทำเต็มที่ให้ท่านเห็น ทุ่มเท พ่อแม่ก็คงเข้าใจเราละครับ ว่าบางที่คนเรามันเก่งกันคนละด้านครับ แต่ส่วนใหญ่ถ้าทำตามที่กล่าวมาข้างต้นยังไงผลลัพธ์ ก็ออกมาดีขึ้นอย่างแน่นอนครับ ถ้าเราทำเต็มที่แล้ว ผมรับประกันเลย 100000% พ่อแม่ไม่เสียใจเลยครับ แม้ผลลัพธ์ออกมาไม่ดี แต่ ท่านจะเสียใจมากครับหากเราไม่ขยัน ขี้เกียจ เอาแต่สบาย ไม่อ่านหนังสือ และ ผลที่ออกมาก็ไม่ดี
สรุป : พ่อแม่ทุกคนรักลูกหมดละครับ ยังไงเราก็เป็นลูกที่ดีที่สุดของพ่อแม่เสมอครับ ลึกๆแล้วพ่อแม่เราไม่เคยคิดว่าลูกข้างบ้านดีกว่าลูกตัวเองแน่นอนครับ ต่อให้ลูกคนข้างบ้านจะฉลาด เก่ง แค่ไหนก็ตาม ยืนยัน 100000% ครับ พ่อแม่ท่านหวังดีกับเรามากที่สุดแล้วไม่มีใครในโลกนี้หวังดีเท่าท่านอีกแล้วครับ แม้แต่พี่น้องแท้ๆ ก็หวังดีไม่เท่าทันหรอกครับ บางทีพูดไป ทื่อๆตรงๆ เราก็อาจจะไม่สนใจ พูดหูซ้ายทะลุหูขวา ท่านเลยต้องยกคนอื่นมาเทียบ เพื่อเป็นแรงผลักดันให้กับน้องๆไงครับ อย่าคิดมากครับ ^^ ต่อให้เราจะเป็นไง ถ้าเต็มที่ให้ท่านเห็น ท่านไม่เสียใจกับผลที่ตามออกมาหรอกครับ ^^
ขอบคุณครับ
วันจันทร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2562
พ่อแม่รักลูกทุกคน "เท่ากัน" จริงหรือ ?
พ่อแม่รักลูกทุกคน "เท่ากัน" จริงหรือ ?
สวัสดีครับทุกๆท่าน วันนี้ผมจะมานำเสนอหัวข้อที่น่าสนใจอีกหัวข้อนึงครับ เชื่อว่า ประเด็นนี้เป็นปัญหาในหลายๆ ครอบครัวที่พ่อแม่ที่มีลูก มากกว่า 1 คน ขึ้นไป ผมก็เป็นคนนึงอยู่ในครอบครัวที่มี พี่น้อง และวันนี้ผมจะมานำเสนอ ประเด็นที่ว่า พ่อแม่รักลูกทุกคนเท่ากันจริงหรือ ?
ผมจะแบ่งกลุ่มคนที่คิดว่า พ่อแม่รักลูกทุกคนไม่เท่ากัน เป็น 3 กลุ่ม น่ะครับ ได้แก่
- กลุ่มคนแบบแรก คือ กลุ่มคนที่มโนคิดไปเอง ไม่ได้เป็นความจริง
-กลุ่มคนแบบที่สอง คือ กลุ่มคนที่มองอะไรแค่ด้านเดียว ไม่ได้รู้เรื่องราวทั้งหมด
-กลุ่มคนแบบที่สาม คือ กลุ่มคนที่โดนพ่อแม่ อคติจริงๆ ไม่ได้มโนคิดไปเอง
_________________________________________________________________________________
กลุ่มคนแบบแรก
กลุ่มคนประเภทนี้ จะเป็น กลุ่มคนที่แยกไม่ออกครับ ว่า ความจริง กับ สิ่งที่คิดไปเอง มันต่างกันยังไง
ส่วนใหญ่คนประเภทนี้ ทุนเดิมจะเป็น คนที่มีลักษณะ ขี้อิจฉา ขี้น้อยใจ เห็นพี่น้องได้อะไรนิดอะไรหน่อยไม่ได้เลยทั้งๆที่ ตัวเองก็ได้เหมือนๆกัน คนกลุ่มประเภทนี้ ถ้าไม่ปรับแก้ความคิด เมื่อเขาโตขึ้นก็ยากที่จะอยู่ในสังคมได้
วิธีแก้ปัญหาของคนกลุ่มนี้ คือ ต้องปรับมุมมอง ทัศนคติ ให้เขาใหม่ ซึ่งการจะปรับความคิดของคนกลุ่มนี้อาจจะ ยาก หน่อย ต้องค่อยๆเป็น ค่อยๆไป เอาใจเด็กกลุ่มนี้บ้าง แล้วสักวันเขาจะมีมุมมองเป็นผู้ใหญ่มากยิ่งขึ้น
_________________________________________________________________________________
กลุ่มคนแบบที่สอง
กลุ่มคนประเภทนี้จะสามารถ แก้ความคิดมุมมองเขาได้ง่าย กว่าคนประเภทแรก คนกลุ่มนี้ถือว่ามีความเป็นเหตุเป็นผลพอสมควร แต่บางทีอาจจะไม่เข้าใจ story ทั้งหมด เห็นแค่ด้านๆเดียว ทำให้มุมมองคนกลุ่มนี้เปลี่ยนไป กลุ่มคนประภทนี้ คือ มีความคิดเล็กคิดน้อย แต่ไม่มากเท่ากับกลุ่มที่แล้ว
วิธีแก้ปัญหาของคนกลุ่มนี้ คือ ต้องให้พ่อแม่ที่เลี้ยงดูเขาพยายามอธิบายเหตุผล แสดงออกให้ชัดเจน อย่าทำตัวปิดทองหลังพระ โชว์ไปเลยว่า เราดูแลเขาดี เรารักเขา เล่าเรื่องราวให้เขาฟังแบบเต็มๆ อธิบายอย่างเป็นเหตุเป็นผล คนกลุ่มนี้ค่อนข้างแก้มุมมองง่ายไม่น่ามีปัญหาครับ
กลุ่มคนแบบที่สาม
กลุ่มคนประเภทนี้ไม่ได้แก้ที่มุมมองเขาครับ แต่ต้องแก้ที่มุมมองทัศนคติของพ่อแม่แทนครับ ผมเป็นคนนึงที่เชื่อครับว่าพ่อแม่ทุกคนรักลูกเท่ากัน แต่ ผมก็เชื่ออีกครับ ว่าพ่อแม่ก็มี มุมมอง การปฎิบัติต่อลูกแต่ละคนไม่เหมือนกัน ไม่เท่าเทียมกัน ผมมั่นใจครับว่า กลุ่มคนประเภทนี้มีมากกว่าคนประเภท 2 แบบแรก ที่กล่าวไปข้างต้น พ่อแม่ในกลุ่มนี้ ส่วนใหญ่จะมีมุมมองต่อลูกต่างกันครับ พ่อแม่จะมองตามผลงาน และความภาคภูมิใจที่ลูกสร้างให้พ่อแม่ครับ ไม่ว่าจะเรียนเก่ง ทำงานเก่ง หาเงินเก่ง เป็นต้น
วิธีแก้ปัญหาของคนกลุ่มนี้ คือ
ถ้ามองในด้านของลูก ก็คือ ไม่ควรใส่ใจ ไม่สนใจเอาเวลาไปทำตามความฝันเป้าหมายดีกว่า ทำตาม Passion อย่าเอาเรื่องพวกนี้มา ทำให้เราเสียเวลา เพราะแก้ยาก ทำไงก็ไม่ดีขึ้น ถ้าแก้ที่มุมมองพ่อแม่ยาก สุดท้ายก็ต้องมาแก้ที่ตัวเราครับ เลิกสนใจ ใส่ใจ เอาเวลาไปทำอย่างอื่นที่เกิดประโยชน์ต่อตัวเราดีกว่าครับ
ถ้ามองในด้านพ่อแม่ ก็คือ ควรเปลี่ยนมุมมองใหม่ เปลี่ยนความคิดใหม่ ต้องหันมามองให้ความสนใจลูกทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน บางที่อคติที่เราได้แสดงต่อลูกแต่ละคน เราอาจจะไม่รู้ตัวแต่เชื่อเถอะครับ ลูกทุกคนจะสัมผัส อคติความลำเอียงได้ครับ ทั้งลูกที่โดนอคติในด้านไม่ดี กับลูกที่โดนมองในแง่ดีก็ตาม
_________________________________________________________________________________
สรุป : ผมเชื่อครับว่าพ่อแม่ทุกคนรักลูกเท่ากัน แต่พ่อแม่ก็มีบ้างที่อาจจะปฎิบัติต่อลูกแต่ละคนไม่เหมือนกัน เป็นไปได้ครับ ที่จะมีปัญหาแบบนี้ในหลายๆครอบครัว พ่อแม่ท่านก็เป็นมนุษย์ครับ มีความคิดเหมือนกัน แต่ยังไงก็ตามพ่อแม่เราก็คือ ผู้มีพระคุณต่อเรา ผู้ให้กำเนิดเรา เพราะฉะนั้น เราควรเคารพท่าน กตัญญูต่อท่าน ไม่ว่าท่านจะมี อคติ หรือ มุมมองต่อเราแบบไหนก็ตาม แล้วชีวิตเราจะเจริญน่ะครับ
ขอบคุณครับ
ความกตัญญูต่อพ่อแม่ " ทำให้เราประสบความสำเร็จในชีวิตจริงหรือ" ?
ความกตัญญูต่อพ่อแม่ "ทำให้เราประสบความสำเร็จในชีวิตจริงหรือ" ?
สวัสดีครับทุกท่าน ขอบคุณทุกๆท่านน่ะครับที่ให้ความสนใจกับ blog เล็กๆ blog นี้ของผม บทความนี้จะเป็นบทความแรกที่ผมเขียน หากมีผิดพลาดประการใด ก็ขออภัย ด้วยน่ะครับ ถ้าพร้อมอ่านแล้วก็เริ่มลุยเลยครับ !!!
ทุกวันนี้ผมเชื่อว่า หลายๆคน ไม่ว่าจะเป็น เด็ก หรือ ผู้ใหญ่ ตั้งแต่เล็กจนโต มักจะได้ยินประโยคหนึ่งบ่อยมากๆนั้นก็คือ " ความกตัญญูต่อพ่อแม่ จะทำให้เราประสบความสำเร็จ " หลายๆคน ก็อาจจะสงสัยว่ามันเกี่ยวอะไรกัน วันนี้ผมจะมาเปิดเผยความลับที่แท้จริง ในด้านของเหตุผลที่อธิบายได้ ไม่ใช่ในด้านของศาสนา กันครับ
เคยสังเกตไหมครับ ไม่ต้องจากคนไกลตัวเอาคนใกล้ตัวนี้ละ คนที่รู้พระคุณของพ่อแม่มักประสบความสำเร็จ ผมได้รู้เรื่องราวของเด็กหลายๆคน ที่มีพ่อแม่อารมณ์รุนแรง ด่าท่อดูถูกลูกตัวเองด้วยถ้อยคำรุนแรงต่างๆนาๆ แต่เชื่อไหมครับ ว่าเด็กกลุ่มนั้นก็ยังรักพ่อแม่ของเค้าเหมือนเดิมแม้ว่าจะโดนอะไรต่างๆมาสารพัดก็ตามครับ แต่ก็ยังเคารพพ่อแม่เหมือนเดิม เพราะเด็กกลุ่มนี้มีความรับผิดชอบไงครับ บางท่านอาจจะงง ความรับผิดชอบอะไรยังไง ความรับผิดชอบนี้ละครับ คือ ความลับของที่แท้จริงของเรื่องนี้ ความรับผิดชอบที่กล่าวมาข้างต้น คือ ความรับผิดชอบต่อผู้มีพระคุณ ตรงนี้ละครับ เป็นเหมือน นิสัย ติดตัวไปในด้านต่างๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น เป็นความรับผิดชอบต่อเรื่องการเรียน รู้ว่าต้องอ่านหนังสือยังไงตรงไหน ตรงไหนที่ยังไม่เข้าใจในเนื้อหาก็ต้องรับผิดชอบโดยการถามผู้รู้ หรือ หาหนังสือต่างๆมาเปิด เพื่อแก้ไขความไม่เข้าใจนั้นให้เข้าใจได้ดีขึ้น ไม่ละเลยประเด็นที่ไม่เข้าใจ หรือจะเป็นความรับผิดชอบในด้านเวลา รู้ว่าเวลาในควรทำอะไร วางแผนชีวิตยังไง ควรเคลียร์งานไหนก่อน รับผิดชอบในทุกๆงาน พักเป็นพัก ทำงานเป็นทำงาน ไม่เอาแต่สบาย
เชื่อไหมครับ เด็กที่กตัญญูต่อพ่อแม่ทุกคน 100 % ประสบความสำเร็จในชีวิตหมดครับ จากประสบการณ์ที่ผมพบเจอกันมากับหลายๆครอบครัวครับ เพราะฉะนั้น ควรกตัญญูต่อพ่อแม่น่ะครับ แล้วความกตัญญูนี้ละครับ มันจะส่งผลถึงความรับผิดชอบในด้านต่างๆไงครับ
สรุป : ควรกตัญญูต่อพ่อแม่ แล้วชีวิตจะเจริญน่ะครับทุกๆท่าน
ขอบคุณครับ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)